การพูดถึงภาพยนตร์ในยุคบุกเบิกนั้น มักจะถูกนึกถึงภาพยนตร์เงียบที่เต็มไปด้วยนักแสดงหน้าเคร่งขรึมและท่าทางแปลกประหลาด แต่ “The Great Train Robbery” (1903) ที่กำกับโดย Edwin S. Porter ของ Edison Manufacturing Company ได้ล้มลายความเชื่อเหล่านั้นด้วยการนำเสนอเรื่องราวระทึกขวัญอันน่าจดจำของกลุ่มโจรที่ปล้นรถไฟ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยาวเพียง 10 นาที แต่กลับทำให้ผู้ชมตะลึง astonishment ด้วยเทคนิคการตัดต่อภาพที่ล้ำสมัยในยุคนั้น และฉากแอ็กชั่นสุดตื่นเต้นที่บุกเบิกแนวทางการสร้างหนังแอ็กชันในอนาคต
“The Great Train Robbery” เป็นเรื่องราวของแก๊งโจรที่วางแผนปล้นรถไฟโดยใช้ความรุนแรงและไหวพริบ
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยฉากชีวิตประจำวันบนสถานีรถไฟ ซึ่งถูกตัดสลับกับการปรี่เข้ามาของกลุ่มโจรที่นำโดยหัวหน้าแก๊ง
หลังจากนั้นก็เป็นฉากไล่ล่าสุดระห่ำที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโจรในการหลบหนีจากตำรวจและผู้โดยสารบนรถไฟ
นักแสดง และ เทคนิคการสร้างสรรค์ที่ก้าวหน้า
แม้ว่าในยุคนั้น การแสดงยังคงมีลักษณะที่แข็งทื่อและเกินจริงไปบ้าง แต่ “The Great Train Robbery” ก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมด้วยฉากแอ็กชั่นที่ล้ำสมัย
Edwin S. Porter ได้นำเสนอเทคนิคการตัดต่อภาพแบบ parallel editing ซึ่งเป็นการสับเปลี่ยนฉากระหว่างกลุ่มโจรและตำรวจ ทำให้เกิดความตึงเครียดและความสนุกสนานอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้น การใช้ close-up shots ยังช่วยสร้างความดราม่าและทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครมากขึ้น
เทคนิคการสร้างสรรค์ | ลักษณะเด่น |
---|---|
Parallel Editing | สร้างความตื่นเต้นและ dynamism ในฉากไล่ล่า |
Close-up shots | เน้นรายละเอียดของใบหน้าและอารมณ์ตัวละคร |
Location shooting | นำเสนอภาพทิวทัศน์ที่สมจริงและน่าสนใจ |
อิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์โลก
“The Great Train Robbery” ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล
มันเป็นภาพยนตร์เงียบเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จอย่าง व्याพาริก และยังทำให้เกิดกระแสสร้างหนังแอ็กชั่นและ western
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นต่อๆมา อาทิ D.W. Griffith และ John Ford
“The Great Train Robbery” - ความมันส์ที่ไม่มีวันลืม!
“The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์สั้น แต่เต็มไปด้วยพลัง
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีภาพยนตร์ในยุคนั้นจะยังไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน แต่ “The Great Train Robbery” ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาพยนตร์ในการสร้างความบันเทิงและตื่นเต้นให้กับผู้ชม
การตัดต่อภาพที่ล้ำสมัย ฉากแอ็กชั่นสุดระห่ำ และเรื่องราวที่น่าติดตาม ทำให้ “The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ควรค่าแก่การชม