หากคุณเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ประเภทสยองขวัญ คุณอาจเคยได้ยินชื่อเสียงของรายการ “Lights Out” ซึ่งเป็นซีรีส์วิทยุแนวสยองขวัญที่ออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 1934 และดำเนินต่อมาจนถึงปี ค.ศ. 1978
“Lights Out” เป็นรายการโทรทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากมันสร้างขึ้นมาเพื่อการฟังเท่านั้น โดยไม่มีภาพประกอบเลย ความน่ากลัวของรายการนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเสียงเอฟเฟกต์ที่น่าขนลุก คำบรรยายอันน่าตื่นเต้น และดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์
ในแต่ละตอน “Lights Out” จะนำเสนอเรื่องราวสยองขวัญสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ความไม่แน่นอน และความตกใจ ในบางครั้ง เรื่องราวนั้นจะเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ในบางครั้งก็จะเป็นเรื่องราวของฆาตกรโรคจิต หรือแม้แต่เรื่องราวของเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
รายการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ออกอากาศ และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสร้างสรรค์ภาพยนตร์และโทรทัศน์มาจนถึงปัจจุบัน
“Lights Out” เป็นตัวอย่างของความสามารถในการสร้างความน่ากลัวและความตื่นเต้นด้วยเสียงและคำพูดเท่านั้น
บริบททางประวัติศาสตร์
รายการ “Lights Out” ออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 1934 ทางสถานีวิทยุ NBC โดยมีผู้กำกับคือ Arch Oboler ซึ่งเป็นนักเขียนบทละครและผู้กำกับชาวอเมริกันที่รู้จักกันดีในด้านความเชี่ยวชาญในการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญ
รายการนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และในปี ค.ศ. 1937 “Lights Out” ก็ได้ย้ายไปออกอากาศทางสถานี CBS
Arch Oboler เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า เขาตระหนักถึงพลังของเสียงในการสร้างบรรยากาศอันน่ากลัว และเขาได้ใช้เทคนิคการบันทึกเสียงและดนตรีประกอบอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยและความตึงเครียดให้กับผู้ฟัง
สูตรสำเร็จของความน่ากลัว
“Lights Out” ประสบความสำเร็จเนื่องจากสูตรสำเร็จหลายประการ:
- เสียงเอฟเฟกต์ที่น่าขนลุก: รายการนี้ใช้เสียงเอฟเฟกต์อย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างบรรยากาศอันน่าสยดสยอง เช่น เสียงลมกรรโชค เสียงฝนตกหนัก และเสียงหัวเราะที่น่ากลัว
- คำบรรยายอันน่าตื่นเต้น: ผู้บรรยายใช้ภาษาที่เร้าอารมณ์และเต็มไปด้วยความลึกลับ เพื่อทำให้ผู้ฟังจินตนาการถึงเหตุการณ์ต่างๆ
- ดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์: ดนตรีประกอบของรายการนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศอันน่าขนลุก
รายชื่อตอนที่โดดเด่น
“Lights Out” มีจำนวนตอนมากมาย แต่ก็มีบางตอนที่โดดเด่นกว่าตอนอื่นๆ
-
“The Ghost of Sarah Jane”: ตอนนี้เล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกหลอกหลอนโดยวิญญาณของเด็กผู้หญิง
-
“Death Wears a Mask”: ตอนนี้เกี่ยวกับการฆาตกรรมที่น่าสยดสยอง และผู้ต้องสงสัยที่ไม่คาดคิด
-
“The Whistler and the Darkness”: ตอนนี้เล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ได้ยินเสียงหวีดร้องในเวลากลางคืน และต้องเผชิญกับความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในเงา
มรดกของ “Lights Out”
แม้ว่ารายการ “Lights Out” จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่รายการนี้ก็ยังคงมีอิทธิพลต่อวงการสื่อบันเทิงมาจนถึงปัจจุบัน
รายการนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์หลายเรื่อง เช่น “Twilight Zone” และ “Tales From The Crypt”
“Lights Out” ยังคงเป็นตัวอย่างของความสามารถในการสร้างความน่ากลัวและความตื่นเต้นด้วยเสียงและคำพูดเท่านั้น