Drácula อสูรอมตะผู้สัญจรบนแผ่นฟิล์มดำและขาขาว!

ในย่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1930 “Drácula” ซึ่งสร้างขึ้นโดย Universal Pictures ในปี ค.ศ. 1931 ถือเป็นผลงานที่น่าจดจำอย่างยิ่ง เป็นภาพยนตร์แวมไพร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองของภาพยนตร์สยองขวัญ

เนื้อเรื่องของ “Drácula” xoayรอบตัวเคานท์ ดรากูลา แวมไพร์โบราณผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ ผู้ปรารถนาที่จะเดินทางจากทรานซิลวาเนียไปยังลอนดอนเพื่อแสวงหาเลือดและอิทธิพล

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของนวนิยายชื่อเดียวกันโดยเบรัม สโตเกอร์ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1897 “Drácula” ฉบับภาพยนตร์นำแสดงโดย Bela Lugosi ในบทบาทเคานท์ ดรากูลา ผู้ซึ่งได้กลายเป็นบุคคลตัวอย่างของแวมไพร์ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

Lugosi กำลังอยู่ในช่วงที่กำลังโด่งดังจากการแสดงบนเวทีบรอดเวย์ และเขานำความสง่างามและความน่าขนลุกมาสู่บทบาทนี้ได้อย่างลงตัว ท่าทางช้าๆ มองตากลัว และสำเนียงพูดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้ ดรากูลา กลายเป็นหนึ่งในตัวละครภาพยนตร์ที่ได้รับการจดจำมากที่สุดตลอดกาล

นอกจาก Lugosi แล้ว “Drácula” ยังมีนักแสดงชั้นนำอีกหลายคน เช่น Helen Chandler (ในบท Mina Seward) , Edward Van Sloan (ในบท Abraham Van Helsing), David Manners (ในบท Jonathan Harker) และ Ruth Chatterton (ในบท Lucy Westenra)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ noteworthy เพราะการออกแบบภาพและดนตรีประกอบ การกำกับของ Tod Browning มีความล้ำหน้าสำหรับยุคนั้น โดยใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ expressionistic เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่ากลัว และ score ของภาพยนตร์โดย Hamilton Deane ซึ่งนำมาจากการแสดงบนเวที มีส่วนช่วยในการเพิ่มความตึงเครียดและความสยองขวัญ

“Drácula” ถือเป็นภาพยนตร์คลาสสิกของยุคทองของภาพยนตร์สยองขวัญ และยังคงมีอิทธิพลต่อภาพยนตร์แวมไพร์ในปัจจุบัน

หัวข้อที่น่าสนใจ:

• การนำเสนอตัวละคร: “Drácula” ได้สร้างภาพลักษณ์ของแวมไพร์ที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก Bela Lugosi ซึ่งแสดงเป็นเคานท์ ดรากูลา เป็นที่จดจำในฐานะแวมไพร์ผู้สง่างามและน่าขนลุก

• เทคนิคการถ่ายทำ: Tod Browning ผู้กำกับภาพยนตร์ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ expressionistic เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวและเหนือจริง

• ดนตรีประกอบ: Score ของ Hamilton Deane ซึ่งนำมาจากการแสดงบนเวที ได้ช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความสยองขวัญให้กับภาพยนตร์

ความสำเร็จของ “Drácula”:

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมาย และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมทั่วโลก ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดทางให้กับภาพยนตร์แวมไพร์ในยุคต่อมา

“Drácula” ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าด้วย การผสมผสานระหว่างการแสดงที่ยอดเยี่ยม เทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำหน้า และดนตรีประกอบที่น่าจดจำ ทำให้ “Drácula” กลายเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ล้าสมัยและยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทุกยุคทุกสมัย.